"ลัดดาแลนด์" ตำนาน น่าสะพรึงเมืองเชียงใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554




เท่าที่ได้มีโอกาสได้เรียนและใช้ชีวิตในเชียงใหม่สิบกว่าปีและได้วนเวียนตรงบริเวณที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมเรียนเทคโนราชมงคลล้านนา หรือแต่ก่อนเรียกว่าตีนดอย

ผมชอบเล่นบาสเก็ตบอลที่สนาม 700 ปี ตรงคันคลอง และต้องผ่านลัดดาแลนด์นับครั้งไม่ถ้วนในยามดึกดึ่นหลายปีและก็กลัวทุกครั้งที่ผ่านตรงนี้ และเท่าที่รู้ประวัติของสถานที่แห่งนี้ (เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมา)

“ลุงจำได้ลางๆ สมัย พ.ศ. 2511 ลุงเป๋นตะหานเก๋ณท์ รองผู้ก๋ารท่านชื่อ พันเอก ประดิษฐ์ คุณนายจื๊อ ลัดดา เจ้าของ ลัดดาแลนด์.. พ.ศ. 2514 ลุงมาเฮียนหนังสือหลังจากป๊นตะหาน ที่ สะลัยครู พักหอ ศรัญญา หลังสะลัยครู มีก้าป่าหญ้าจิ๊ยอบหลวง..จ่ำได้ว่า ขี่รถเครื่อง จากหอพักปาแฟนไปแอ่วลัดดาแลนด์ จากสะลัยครู ผ่านสี่แยกข่วงสิงห์ ไปตางแม่ริมไปสักน่อย แล้วเลี้ยวซ้าย ไปทางคลองชลประทาน จำได้ก๊าโหล่งมัน ลัดดาแลนด์”



ด้วยโครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ของ คุณนายลัดดา พันธาภา นักธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือ พล.ต ประดิษฐ์ พันธาภา และเป็นเจ้าของกิจการ “โรงหนังเวียงพิงค์” (โรงหนังนี้ก็โครตเฮี้ยน)

การเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ดอยสุเทพ พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็นอุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ แล้วพัฒนามาเป็นที่พักหรือบ้านในรูปแบบของรีสอร์ทในรูปแบบล้านนาในแบบเมือง เหนือ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า

ตามคนเก่าคนแก่ก่อนได้เล่าว่า …..

เมืองเชียงใหม่…เมื่อก่อนย้อนไปน่าจะซัก 40 กว่าปีได้




ลัดดาแลนด์เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวที่โด่งดังมากเพราะมีสวนกล้วยไม้ที่ใหญ่มาก ๆ  “แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดง-สาธิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขา การทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่างๆ ภายใต้การควบคุมของคณะวัดเจ้าพ่อเม็งรายอันโด่งดังในยุคนั้น มีทั้งช้างให้นั่ง มีรถม้า มีรถไฟเล็ก การแสดงฟ้อนรำต่างๆ  ทำให้หน้าหนาวทุกปีจะมีคนขึ้นมาเที่ยวเยอะมาก รวมไปถึงการมัดใจเด็กๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการประมาณ 8 หรือ 10 บาท มี “น้ำมะเกี๋ยง” (น้ำลูกหว้า) เป็นที่แรกและเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ รวมทั้งมีการเปิดเพลงของคณะ ดิอิมพอสสิเบิ้ล ซึ่งโด่งดังในขณะนั้นเกือบตลอดทั้งวัน…”


เป็นสถานที่ยอดฮิต วัยรุ่นสมัยนั้นจะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่า


- คู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้วคู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต


- ส่วนประชากรในหมู่บ้านทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีเข้าไปอยู่ จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเศรษฐีก็ได้ 

แต่เรื่องของเรื่อง หรือต้นเหตุแห่งความเฮี้ยนมาเกิดขึ้น

- ตอนเริ่มสร้างก็มีคนงานที่ก่อสร้างฆ่ากันตายแล้วหมกศพ แล้วก็มีการปิดข่าวกันในช่วงนั้นอย่างเงียบๆ โดยเรื่องมาแตกเอาในภายหลังจากนั้น

- ช่วงที่มีการเปิดบริการมีหญิงสาวผมยาวคนนึงโดดน้ำตายในบึงกลางน้ำ วันดีคืนดีมักจะมีคนโผล่ขึ้นมาจากน้ำมาจับขา

- ตอนที่บ้านหลังหนึ่งถูกโจรขึ้นและโดนคนร้ายฆาตกรรมเสียชีวิตทั้งครอบครัว แล้วเรื่องสยองขวัญสั่นประสาทก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังนั้น บางคืนก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้บ้าง อะไรบ้าง บางคืนก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะ

- แต่จุดที่ผู้คนแถบนั้นเจอความเฮี้ยนกันจนอยู่ไม่ได้คือ บางคืนคนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วออกมายืนหน้าบ้าน  ออกมารดน้ำต้นไม้ คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคน ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครจะกล้าออก จากบ้านเลย

- นานวันเข้ายิ่งเฮี้ยนหนักจนถึงขั้นตามมาหลอกถึงบ้าน คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกไปเกือบหมด ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้านร้างเยอะ แต่ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหน  และ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่งไม่ค่อยได้อยู่ แต่จะบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาว เพราะอย่างที่หร่อนๆ รู้กันว่าเมืองเชียงใหม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก

- เจ้าของบ้านที่เป็นฝรั่งท่านนั้นได้จ้างเด็กสาวชาวพม่ามาเฝ้าบ้าน แต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้น และฆ่าเด็กสาวคนนั้น แล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได กว่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือน

- สาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบได้ก็คือ บ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆ กัน ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากในบ้าน แต่ก็ไม่ได้สงสัยเพราะยังคงเห็นเด็กสาวคนนี้มานั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน จนวันหนึ่งเพื่อนบ้านดังกล่าวทนกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยคละคลุ้งไม่ไหว จึงได้ตะโกนบอกเด็กสาวคนนั้นว่าให้ทำความสะอาดบ้านบ้างอะไรบ้าง เพราะอาจจะมีหนูตาย พูดยังไม่ทันจบ เด็กสาวก็หันหน้าเละๆ มา เพื่อนบ้านก็เลยรีบวิ่งแจ้นไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเปิดบ้านเพื่อทำการตรวจสอบจึงพบศพดังกล่าว

- มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมากและมาอธิฐานขอให้ความรักสมหวังกับต้นไทรที่ลัดดาแลนด์ แต่แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับฝ่ายชาย ทั้งสองจึงมาแขวนคอตายคู่กันที่ใต้ต้นไทรนั้น คนแถวนั้นเล่ากันว่า ทุกวันครบรอบวันที่ทั้งคู่ผูกคอตายเวียนมาบรรจบ คือ ตอนสามทุ่มสามสิบสามนาที  คนแถวนั้นส่วนใหญ่มักจะเห็นทั้งคู่ห้อยหัวโตงเตงพร้อมกับส่งยิ้มมาให้คนที่ผ่านไปมาตามใต้ต้นไม้ในนั้น

- ช่วงก่อนที่จะสร้างสวนสาธารณะนี้เสร็จ ตอนที่ขุดหลุมเพื่อที่จะทำบ่อน้ำ ทางโครงการได้พบกับโครงกระดูกมนุษย์จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยให้บุคคลทั่วไปได้ทราบกัน ซึ่งมาพบในตอนหลังว่าเป็นเจ้าของที่เก่า อยู่ห่างจากบ้านคุณนายลัดดาเพียง 100 เมตร ฝั่งตะวันออก

- เมื่อ 20 กว่าปีก่อนสถานที่แถวนั้นเป็นที่รกร้างและเปลี่ยวมาก จึงมีการนำศพคนตายที่ถูกปล้นหรือถูกฆ่าข่มขืนมาทิ้งไว้ที่นั้น ที่พอทราบมา ณ ขณะนี้ จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจคือ อย่างน้อยๆ ก็ 8 ศพ แต่ที่ไม่รู้อีกน่าจะเยอะมาก

- มีหญิงสาวและหญิงขายบริการหลายคนที่ทำแท้ง แล้วนำซากเด็กทารกไปทิ้งไว้ในสระน้ำของโครงการลัดดาแลนด์เป็นจำนวนมากเพราะสถานที่แห่งนี้ไม่มีคนพลุกพล่านมาก หลายคนบอกว่ามากกว่า 300 เลยทีเดียว บางครั้งมีการค้นพบว่าเอาฝังไว้ใต้ต้นไม้ในนั้น แล้วทำพิธีผูกวิญญานเด็กไว้ไม่ให้เกิด

- มีขี้ยาคนหนึ่งที่อัพยาเกินขนาดแล้วเกิดช็อคตายคาศาลาที่ริมสระน้ำของโครงการ กว่าจะมีคนมาพบ ศพก็เน่าหมดแล้ว แต่บางแหล่งข่าวเล่าว่า ที่ช็อคเพราะหัวใจวายเนื่องจากเห็นบางอย่างที่หน้าสะพรึงกลัวมากๆ (หน้าของศพดวงตาเบิกโพลง และลิ้นจุกปาก) และสุดท้ายก็โดนเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน เพราะกัญชายังเหลือ อยู่ข้างๆ ศพอีกเยอะเลย มีคนพบคนไม่มีหัวนั่งเอาเท้าแกว่งน้ำเล่นตรงบริเวณนั้น

- มีการนำศาลพระภูมิรวมถึงตุ๊กตาสะเดาะเคราะห์มาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก จนทางเทศบาลต้องมารื้อไปทิ้งไว้นอกเมือง แต่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ เพราะถึงจะย้ายไปไกลแค่ไหน วันรุ่งขึ้นตุ๊กตาและศาลเหล่านั้นก็จะกลับมาอยู่ ณ ที่เดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ

- มีหญิงสาวที่มาขอความรักกับต้นไทรแล้วผิดหวังในความรัก เลยมาผูกคอตาย ตายใต้ต้นไทรหลังโครงการลัดดาแลนด์โดยที่ทิ้งจดหมายไว้สั้นๆ ว่า “จะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป” หลังจากนั้น ชาวบ้านแถบนั้นเล่าว่า วิญญาณจะสิ่งอยู่ในตุ๊กตาสัตว์ที่วางไว้อยู่มากมายในโครงการ

- อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะพบศพและได้ทำพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลทางศาสนาแล้ว แต่เด็กสาวคน นั้นก็ยังมานั่งอยู่ที่เดิมทุกวัน  ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งกะชาวบ้านก็คงจะดี ไม่มีใครเดือดร้อน แต่เพื่อนบ้านแถบนั้นเล่าว่า บางคืนเด็กสาวจะตามมายืนมอง หน้าต่างห้องนอนตอนนอนกลางคืนเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเพื่อนบ้านทั้งแถบจึงพากันย้ายออกอย่างไม่เสียดายบ้าน

แผนที่ ของลัดดาแลนด์ เท่าที่ผมทราบจากอาจารย์ท่านนึงว่า ลัดดาแลนด์นั้นมีด้านข้างติดน้ำ ด้านหน้าหันเข้าภูเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี ในความเชื่อของคนเหนือ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะแก่การก่อสร้างใดทั้งสิ้น เพราะเป็นประตูเมืองผี แต่คุณนายลัดดาไม่เชื่อจึงเกิดเรื่องเล่าที่กล่าวมานี้มานานนับสิบๆ ปี




ที่มา  Teenee.com 



banner125125 banner125125 ads_box ads_box ads_box